Next step
ธรรมะจากผาผึ้ง1 ช่วงเวลาสองเดือนครึ่งที่ได้มีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตภาวนา ณ ถ้ำผากง ที่ภูผาผึ้งนั้น วันเวลาทั้งวันทั้งคืนสามารถใช้ไปกับการภาวนาตั้งแต่เช้าตื่นมาตีสองก็ทำวัตร นั่งสมาธิ พอได้อรุณก็ทำสรีรกิจเสร็จก็เข้าทางจงกรมยาวไปถึงสามสี่ทุ่ม จะมีพักทานน้ำเข้าห้องน้ำทำวัตรตอนบ่ายสองสักชั่วโมงเดียวเพราะไม่ต้องกังวนเรื่องอาหารหรือปานะใดๆ ไม่ต้องห่วงใยผู้ใดเพราะอยู่ลำพังผู้เดียว ทำข้อวัตรเสร็จก็เข้าทางเดินจงกรมต่อจนสามสี่ทุ่มก็ทำวัตรเย็นแล้วพักผ่อนจึงจะตื่นขึ้นมารับวันใหม่ตอนตีสองเช่นเคย ทางจงกรม ทางเดินแห่งชีวิต ทางจงกรมนั้นมีจุดเริ่มต้น มีท่ามกลาง และปลายสุด เมื่อสิ้นสุดทางเดินก็เริ่มต้นใหม่วนเวียนไม่รู้จบดุจดังวัฎฎะสงสาร ท่ามกลางทางเดินจงกรม เราจะมีก้าวแรก ก้าวสองและก้าวต่อๆไปเสมอ มีขวามีซ้าย ก้าวและก้าวต่อๆไป เหมือนชีวิตในแต่ละภพแต่ละชาติที่เราคิดว่าเผจิญกับสิ่งใหม่ๆในชีวิตเสมอ แต่แท้จริงทางนี้เราผ่านมามากมายสุดจะนับคะเนได้แล้ว ชีวิตเป็นเช่นนี้เอง ตราบจนมีสติตามรู้ปัจจุบันขณะ มีสติแข็งแรงขึ้น รายละเอียดต่างๆของการเคลื่อนไหว กายและจิตก็จะปรากฎได้ชัดเจน เวลาดังจะช้าลงจากวินาทีเป็นนาทีเป็นชั่วโมง แม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในใจก็สามารถถูกสังเกตเห็นได้ชัดเจน ความต้องการ ความพอใจไม่พอใจ เรื่องในอดีต อนาคตประดังกันออกมาจากใจในช่วงแรกๆ แต่ต่อไปเพียงขยับจะปรุงแต่งเรื่องต่างๆอีก ใจก็จะร้องว่าพอแล้วไม่คิดไม่ปรุงแล้ว อิริยาบถต่างๆของกายของใจก็เห็นได้แจ่มชัดขึ้น จนมีคำถามผุดมาจากใจว่า “ทำไมจึงต้องมีก้าวต่อไป” · คนเราส่วนใหญ่มักถูกแรงแห่งตัญหา ผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความต้องการทะยานอยาก ด้วยแรงแห่งกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง เพียงต้องการเติมเต็มความไม่อิ่มไม่พอ ในใจของเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด · ธรรมะคำสอนของพระพุทธองค์ทรงชี้ให้เรามองย้อนเข้าสู่ใจตนเอง ให้มุ่งขจัดความโลภ ความโกรธ ความหลง ซึ่งก็คือกิเลสตัญหาออกจากใจ ความต้องการทะยานอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก็จะยุติลง ณ เวลานั้น ดังนั้น ความสุขความสงบในใจก็จะบังเกิดขึ้น เพียงพอและพอเพียงที่จะจบการเดินทางอันแสนยาวนานนี้ลงได้แล้ว ณ เวลานั้น มิจำเป็นจะต้องมีก้าวต่อไปอีก หยุดได้แล้วการเดินทางอันไม่มีที่สิ้นสุดนี้ หยุดได้แล้ว เพราะเราได้ถึงที่หมายนั้นแล้ว · เมื่อจิตดวงนี้ได้ถูกชำระ อวิชชา ตัญหา และอุปปาทานทั้งหลายออกจนสะอาดแล้ว จิตนี้ก็จะมีแต่ความสุขสงบ สมบูรณ์ แม้จะมีก้าวย่างเดินทางต่อไป ก็มิได้ไปจากแรงแห่งตัญหาแล้ว กลับก้าวต่อไปด้วยแรงแห่งความเมตตากรุณาอันล้นจากใจดวงนี้ เพื่อมุ่งหวังจะช่วยเหลือเกื้อกูลสรรพสัตว์ สรรพชีวิต และสรรพสิ่งทั้งมวล มิได้ต้องการแสวงหาสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว · หากเปรียบใจเราดังแก้วน้ำ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างดิ้นรนแสวงหาน้ำมาใส่ใจเพื่อมาดับความเร้าร้อนแห่ง ตัญหาในใจ น้ำจำนวนมากมายถูกรินใส่ใจที่มิเคยเพียงพอ เนื่องเพราะเขาขยายแก้วในใจนั้นให้ใหญ่ขึ้นๆ อย่างไม่สิ้นสุดเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของเขา อำนาจแห่งกิเลสนั้นครอบงำจิตใจเขาทำให้น้ำมากเพียงใดก็มิอาจเติมเต็มแก้วในใจเขาได้เลย · พระพุทธองค์ทรงชี้ทางที่จะเติมเต็มแก้วน้ำในใจดวงนี้ เพื่อดับความร้อนเร่าในใจลงโดยขจัดความต้องการอันไม่สิ้นสุดลงเสีย ลดขนาดของแก้วในใจของเราลง แก้วนั้นเมื่อยิ่งเล็ก น้ำเพียงจำนวนน้อยก็สามารถใส่ให้เต็มได้อย่างรวดเร็ว ความเร้าร้อนในใจก็จะดับลงไป การแสวงหาน้ำก็ย่อมมีวันสิ้นสุดลง ใจนี้ย่อมมีเวลาพัก มีเวลาสุขสงบได้สักวัน · เมื่อแก้วน้ำในใจดวงน้อยนี้เต็มแล้ว ความเร้าร้อนในใจดับเสียแล้ว ความต้องการแสวงหาน้ำย่อมหมดลงแล้ว เมื่อมีน้ำมาเติมลงไปในแก้วนั้น น้ำนั้นย่อมไหลรินล้นออกจากใจ นำความชุ่มชื่นฉ่ำเย็น ออกจากใจดวงนี้ สู่ใจที่เร้าร้อนใกล้เคียง ลดความทุกข์ทรมาณ สร้างความเบิกบานให้แก่มวลสรรพชีวิตทั้งหลายรอบตัวเขาให้พบกับความสุขสงบเช่นเดียวกัน การก้าวเดินต่อไปก็เพียงลดขนาดแก้วใส่ใบน้อยในใจนี้ให้เล็กลงๆจนหมดไป ความต้องการน้ำก็หมดไป มิจำเป็นต้องเติมเต็มใจนี้แล้ว น้ำที่มีมาก็เพียงเพื่อสรรพสิ่งภายนอกใจนี้เท่านั้นเอง ณ เวลานั้นแม้ความสงบในใจก็มิต้องแสวงหาอีกต่อไปแล้ว